วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เอกสารประกอบการเรียนการสอน


เอกสารประกอบการเรียนการสอน  
 เรื่อง กระบวนการสืบพันธุ์ของพืชดอก

การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย
      การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียในพืชดอกเกิดขึ้นภายในรังไข่ ( ovary ) โดยที่ภายในรังไข่อาจมีหนึ่งออวุล     (ovule ) หรือหลายออวุล ภายในออวุลมีหลายเซลล์ แต่จะมีเซลล์หนึ่งที่มีขนาดใหญ่ เรียกว่า เมกะสปอร์มาเทอร์เซลล์             ( megaspore mother cell ) เมกะสปอร์มีการขยายขนาดและแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิส 3 ครั้งด้วยกัน ทำให้เซลล์นี้มี 8 นิวเคลียส ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ 4 นิวเคลียส โดยกลุ่มหนึ่งจะอยู่ทางด้าน ไมโครไพล์ ( micropyle ) อีกกลุ่มหนึ่งจะอยู่ทางด้านตรงข้ามไมโครไพล์   ดังนั้นเมกะสปอร์ในระยะนี้มีนิวเคลียส เป็น 3 กลุ่มอยู่ในบริเวณต่างๆ ดังนี้
1. กลุ่มที่อยู่ตรงข้ามไมโครไพล์ ( micropyle ) มีนิวเคลียส 3 เซลล์ เรียกว่า แอนดิโพแดล (antipodals )
2. กลุ่มบริเวณตรงกลางมีนิวเคลียส 2 เซลล์ เรียกว่าโพลาร์นิวเคลียส ( polarnucleus หรือ polar nuclei )

3. กลุ่มทางด้านไมโครไพล์มีนิวเคลียส 3 เซลล์ ซึ่งมีนิวเคลียสอันตรงกลางจะมีขนาดใหญ่กว่าอันอื่นเป็น เซลล์ไข่
( egg cell ) อีก 2 เซลล์ที่ขนาบข้างเรียกว่า ซินเนอร์จิด ( synergids )


               การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้
การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ของพืชดอกจะเกิดขึ้นภายใน อับเรณู (anther) โดยมีไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์
(microspore mother cell) แบ่งเซลล์แบบไมโอซิสได้ 4 ไมโครสปอร์ (microspore) แต่ละเซลล์มีโครโมโซมเท่ากับ n
หลังจากนั้นนิวเคลียสของไมโครสปอร์จะแบ่งแบบไมโทซิส ได้ 2 นิวเคลียส คือ เจเนอเรทิฟนิวเคลียส (generative
nucleus) และทิวบ์นิวเคลียส (tube nucleus) เรียกเซลล์ในระยะนี้ว่า ละอองเรณู(pollen grain)
หรือแกมีโทไฟต์เพศผู้ (male gametophyte) ละอองเรณูจะมีผนังหนา ผนังชั้นนอกอาจมีผิวเรียบ
หรือเป็นหนามเล็กๆแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิดของพืช เมื่อละอองเรณูแก่เต็มท ี่อับเรณูจะแตกออก
ทำให้ละอองเรณูกระจายออกไปพร้อมที่จะผสมพันธุ์ต่อไปได้

การถ่ายละอองเรณู
       การถ่ายละออกเรณูของพืชดอก (Pollination)  หมายถึง ปรากฏการณ์ที่ละอองเรณูปลิวมาตกบนยอดเกสรตัวเมียของดอกชนิดเดียวกัน  การถ่ายละออกเรณูเกิดขึ้นเมื่อละอองเรณูเจริญเต็มที่ อับเรณูจะแตกออกทำให้ละอองเรณูกระจายออกไป โดยอาศัยลม น้ำ โดยเฉพาะ แมลง มีความสำคัญมากในการถ่ายละอองเรณูของพืชดอก และบนยอดเกสรตัวเมีย โดยจะมีน้ำเหนียวๆ(Stigma) ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ซึ่งช่วยในการดักละอองเรณู

การถ่ายละอองเรณู มี 2 แบบ คือ
 1.  การถ่ายละอองเรณูในดอกเดียวกัน หรือคนละดอกในต้นเดียวกัน (Self pollination) การถ่ายละอองเรณูแบบนี้จะทำให้รุ่นลูกมีสมบัติทางกรรมพันธุ์เหมือนเดิม ถ้าเป็นพันธุ์ดีก็จะถ่ายทอดลักษณะพันธุ์ดีไปเรื่อย ๆ
2.   การถ่ายละออกเรณูคนละดอกของต้นไม้คนละต้นในพืชนิดเดียวกัน (Cross pollination) เป็นการถ่ายละอองเรณูแบบข้ามดอก หรือต่างต้นกัน ก็จะทำให้พืชมีลักษณะต่างๆ หลากหลายและอาจจะได้พืชพันธุ์ใหม่ ๆขึ้นมาได้


การปฏิสนธิของพืชดอก
เมื่อ ละอองเรณู ตกลงสู่ ยอดเกสรตัวเมีย ละอองเรณูจะงอกท่อยาว เรียกว่า พอลเลนทิวบ์ (Pollen tube) ลงสู่ก้านเกสรตัวเมีย ทิวบ์นิวเคลียสจะเคลื่อนตัวไปตามท่อ ผ่านทางรู ไมโครไพล์ (Micropyle) ของออวุล ในขณะนี้เจเนเรทีฟนิวเคลียส (Generative nucleus) จะแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซีสได้สเปิร์มนิวเคลียส (Sperm nucleus) 2 ตัว เข้าผสมกัน นิวเคลียสของไข่ (Egg cell) ได้ไซโกต (2n) ซึ่งจะเจริญเป็นเอมบริโอต่อไป ส่วนอีกนิวเคลียสจะผสมกับโพลาร์นิวคลีไอ (Polar nuclei) เจริญเป็นเอนโดสเปิร์ม (3n) ซึ่งเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงเอมบริโอการผสมซึ่งเกิดจากการผสม 2 ครั้งนี้เรียกว่า การปฏิสนธิซ้อน (Double Fertilization) ซึ่งพบเฉพาะใน พืชดอก
หลังจากปฏิสนธิแล้ว
·         รังไข่         (ovary )     เจริญเป็น ผล
·         ผนังรังไข่     (ovary wall )     เจริญเป็น เปลือกและเนื้อของผลไม้
·         ออวุล         (ovule )     เจริญเป็น เมล็ด
·         ไข่         (egg )         เจริญเป็น ต้นอ่อนอยู่ภายในเมล็ด
·         โพลาร์นิวเคลียส (polar nucleus ) เจริญเป็น เอนโดสเปิร์ม
·         เยื่อหุ้มออวุล     (integument )     เจริญเป็น เปลือกหุ้มเมล็ด
·         สำหรับส่วนประกอบอื่น ๆ ของดอกจะเหี่ยวแห้งและสลายตัวไป




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น